🚀 Git & GitHub Workshop: จากศูนย์สู่ทีม (Zero to Pro)

คู่มือนี้ออกแบบมาเพื่อให้คุณทำตามแบบ Step-by-Step พร้อมคำอธิบายภาษาไทยและ Data Flow ให้เข้าใจง่ายที่สุดครับ

---

🎨 แผนผังการไหลของข้อมูล (Git Data Flow)

ก่อนเริ่มคำสั่ง มาเข้าใจก่อนว่าไฟล์เราเดินทางอย่างไร:

[ Working Directory ] --(git add)--> [ Staging Area ] --(git commit)--> [ Local Repo ] --(git push)--> [ Remote (GitHub) ]
      (แก้ไขไฟล์)                      (เตรียมส่ง)                       (เก็บประวัติ)                    (สำรองออนไลน์)

---

Phase 0: เตรียมตัวก่อนออกเดินทาง (Setup SSH & Config)

1. สร้างกุญใจ SSH (สำหรับ GitHub)

เราจะใช้ SSH เพื่อไม่ต้องพิมพ์รหัสผ่านบ่อยๆ และมีความปลอดภัยสูง

# สร้าง key ใหม่ (ตั้งชื่อไฟล์ว่า id_github_workshop เพื่อไม่ให้ทับของเก่า)
ssh-keygen -t ed25519 -C "[email protected]"

• เมื่อถามชื่อไฟล์ให้ใส่: /Users/yourname/.ssh/id_github_tutorial
• ก๊อปปี้ Public Key ไปแปะใน GitHub Settings -> SSH Keys:

cat ~/.ssh/id_github_tutorial.pub

• ตั้งค่าให้ working dir นี้ใช้ key นี้ในการเชื่อม Github

git config core.sshCommand "ssh -i ~/.ssh/id_github_tutorial"

2. ตั้งค่าตัวตน (Local Config)

เราจะตั้งค่าเฉพาะโฟลเดอร์นี้เท่านั้น ไม่ไปยุ่งกับ global

git config user.name "Your Name"
git config user.email "[email protected]"
# เช็คความเรียบร้อย
git config --list

---

Phase 1: เริ่มต้นโปรเจกต์ (Initiation)

3. สร้างถังเก็บงาน (Init & Remote)

git init                            # เปลี่ยนโฟลเดอร์ปกติให้เป็น Git Repo
git remote add origin [email protected]:username/repo-name.git  # เชื่อมต่อกับ GitHub
git branch -M main                  # ตั้งชื่อ branch หลักเป็น main

---

Phase 2: บันทึกงานครั้งแรก (Add -> Commit -> Push)

4. วงจรการทำงานปกติ

echo "# Git Tutorial" > README.md    # สร้างไฟล์
git status                          # เช็คสถานะ (จะเห็นไฟล์เป็นสีแดง)

git add README.md                   # ย้ายไป Staging (จองคิว)
git commit -m "feat: initial commit with readme"  # บันทึกประวัติ (ลงถังในเครื่อง)

git push -u origin main             # ดึงขึ้น GitHub ครั้งแรกพร้อมผูกความสัมพันธ์ (-u)

---

Phase 3: การทำงานเป็นทีมและ Branching

5. กฎการตั้งชื่อ Branch (Semantic Naming)

แนะนำรูปแบบ: ชื่อเล่น/ประเภทงาน/สิ่งที่ทำ

• boom/feat/login-page (ฟีเจอร์ใหม่)
• elon/fix/bug-css (แก้บัค)
• mark/chore/update-deps (งานบ้านทั่วไป)

6. สร้างและสลับ Branch

# สร้าง branch ใหม่จากจุดที่เรายืนอยู่
git checkout -b boom/feat/add-content

# ... แก้ไขไฟล์ ...
git add .
git commit -m "feat: add workshop content"
git push origin boom/feat/add-content  # ส่งงานขึ้นไปให้เพื่อนดู

7. การรวมงาน (Merge)

เมื่อคนอื่น (หรือเราเอง) ทำงานเสร็จแล้ว และต้องการเอามาประจบกันใน main

git checkout main                   # ย้ายกลับมาที่ main
git pull origin main                # ดึงงานใหม่ล่าสุดลงมาก่อน (กันพลาด)
git merge boom/feat/add-content     # รวมร่าง!
git push origin main                # ส่งงานที่รวมแล้วขึ้น GitHub

---

Phase 4: การดูประวัติและเทคนิคเมื่อทำพลาด

8. ดูประวัติแบบสวยงาม (Graph Tree)

git log --oneline --graph --all     # ดูสายพานงานว่าใครแตกไปไหน รวมที่ไหน

9. เทคนิค "ทางลัดคนใจร้อน" (แทนการใช้ Reset)

ถ้าทำ branch ปัจจุบันพังจนกู่ไม่กลับ:

1. ใช้ git log หาเลข Commit ID ที่ยังดีอยู่ (เช่น abc1234)
2. สร้าง Branch ใหม่จากจุดนั้นเลย:

   git checkout -b new-start-branch abc1234

3. ลบ Branch ที่พังทิ้งไป: git branch -D branch-ที่-พัง วิธีนี้ปลอดภัยกว่าการพยายามย้อนอดีต (Reset) เพราะประวัติงานจะไม่หายไปไหน

---

สรุปคำสั่งที่ใช้บ่อยในชีวิตจริง

• git status : ฉันอยู่ที่ไหน มีอะไรแก้บ้าง?
• git pull : ดึงงานเพื่อนมา
• git add . : เก็บของลงตะกร้า
• git commit -m "..." : แปะป้ายบันทึก
• git push : ส่งของขึ้นหิ้ง
• git checkout -b ... : เปิดร้านใหม่ (Work on new task)